จากเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา Samsung ก็ได้ประกาศเปิดตัว Samsung Galaxy S III (Galaxy S3) อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟน Android ที่คนให้ความสนใจมากตัวหนึ่งเนื่องจากมีราคาที่เรียกว่าคุ้มค่ากับประสิทธิภาพที่จ่ายไป เเละมีความเร็วที่เรียกว่าเหนือกว่า Android เจ้าอื่นๆ จากชิปตัวประมวลผลตระกูล Exynos ที่ทำขึ้นมาใช้เองจนทำให้ปัญหาอาการหน่วงของ Android นั้นเเก้ไขไปได้ด้วยฮาร์ดเเวร์ของ Galaxy S II เอง บวกกับความสามารถรอบด้านของ Galaxy S II นั้นทำให้เป็นสมาร์ทโฟน Android ที่ทำยอดขายสูงสุดไปได้
เเน่นอนว่าความสำเร็จของ Galaxy S II นั้นทำให้หลายคนจับตามอง Galaxy S II ว่าจะประสบความสำเร็จที่ “เหนือกว่า” รุ่นพี่ได้หรือไม่ สำหรับรายละเอียดของ Samsung Galaxy S III (Galaxy S3) จากสเปคเบื้องต้นก็เป็นดังนี้เลยครับ
- ตัวประมวลผล Exynos 4412 (Exynos 4 Quad) เเบบ quad-core ความเร็ว 1.4 GHz ใช้การผลิตที่ 32 นาโนเมตร (Tegra 3 ใช้ 40 นาโนเมตร ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพต่ำกว่าเเละการใช้พลังงานสูงกว่า) ตัวประมวลผลกราฟฟิค Mali-400 ความเร็ว 400 MHz
- หน้าจอขนาด 4.8 นิ้ว Super AMOLED HD (Pentile) ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล (306 ppi)
- ระบบปฏิบัติการณ์ Android 4.0 Ice Cream Sandwich อินเตอร์เฟซ TouchWiz Nature UX
- หน่วยความจำ 1 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล 3 ขนาด 16 / 32 / 64 GB
- เพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลด้วย microSD XC สูงสุด 64 GB
- ตัวเครื่องขนาด 136.6 มิลลิเมตร กว้าง 70.6 มิลลิเมตร หนา 8.6 มิลลิเมตร
- รองรับเครือข่าย 3G เเบบ quad-band คือ 850/900/1900/2100
- สนับสนุน GPS เเละ GLONASS เพิ่มจำนวนดาวเทียมที่ใช้งานได้เพื่อให้จับสัญญาณได้ดีขึ้น
- สนับสนุน Bluetooth 4.0, Wi-Fi
- เเบตเตอรี่ขนาด 2100 mAh
ตัวประมวลผล Exynos 4 Quad (Exynos 4412)
Samsung ได้ทำการเปลี่ยนชื่อรุ่นของ Exynos ให้เหมือนกับ Snapdragon เพื่อให้อ่านได้ง่ายขึ้น โดยก็เป็นอย่างที่คาดกันไว้ว่า Exynos เเบบ 4 หัวจะถุกใช้ใน Galaxy S III (Galaxy S3) ส่วนในเรื่องประสิทธิภาพนั้นก็อย่างที่คาดว่าสามารถเอาชนะ Apple A5 บน iPhone 4S เเละ Nvidia Tegra 3 ที่เป็น quad-core เหมือนกัน
ดีไซน์วัสดุ
จากเดิมที่คาดว่า Samsung Galaxy S III (Galaxy S3) นั้นจะใช้วัสดุที่มีความเป็นพรีเมียมอย่างเซรามิคหรืออลูมิเนียมนั้น เเต่อย่างที่เห็นจากงานเมื่อคืนว่า Samsung Galaxy S III (Galaxy S3) นั้นยังคงใช้วัสดุเเบบพลาสติกเหมือนเดิมอยู่ เเต่ว่าเป็นโพลีคาร์บอเนตเหมือนกับ Nokia N9 หรือ HTC One X เเละมีการเคลือบ “Hyperglaze” ทำให้สัมผัสของผิวนั้นเหมือนกับเซรามิคเเละช่วยเรื่องการกันรอยขีดข่วนบนตัวเครื่อง เมื่อสังเกตด้านหน้าจะพบว่าขนาดของขอบกับเครื่องนั้นมีระยะเเคบกว่ารุ่นก่อน ซึ่งเหมือนกับ HTC One X ที่ลดขอบระหว่างจอลงเพื่อให้่มีถือที่มีหน้าจอใหญ่เเต่มีขนาดเครื่องไม่ใหญ่มากจนเกินไป เเละพอที่จะจับได้ด้วยมือเดียว
ด้านการออกเเบบ Samsung บอกว่าได้เเรงบันดาลใจมากจากธรรมชาติ (จากที่เห็นในการพรีเซนท์เปิดตัว) โดยรูปทรงของเครื่องนั้นมีความโค้งมนเหมือนกับหยดน้ำ โดยมีสองสีคือ Dark Blue เเละ Marble White ด้านหน้านั้นมีลักษณะเหมือนกับอลูมิเนียมขัดลาย เเต่ยังเป็นพลาสติกอยู่เหมือนกับ Galaxy R
หน้าจอ
หน้าจอของ Galaxy S III (Galaxy S3) นั้นยังคงเป็น Super AMOLED HD เหมือนกับบน Galaxy Nexus รวมไปถึงยังใช้ชนิดหน้าจอเป็นเเบบ Pentile เหมือนกันอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เเล้วจอเเบบ Pentile จะมีข้อเสียในเรื่องของการเเสดงผลที่ค่อนข้างเพี้ยนไปจากต้นฉบับของภาพ เนื่องจากไม่ได้ใช้การเรียงพิกเซลเเบบ RGB ปกติเเต่ใช้เป็น RBGB โดยมีพิกเซลสีฟ้ามากกว่าปกติ ซึ่งความรู้สึกโดยรวมน่าจะเหมือนกับจอของ Galaxy Nexus
จากประสบการณ์าส่วนตัวที่จับ Galaxy Nexus มา จอ Pentile จะเเสดงปัญหาสีเพี้ยนต่อเมื่อปรับ Brightness ต่ำเเละการเเสดงผลตัวอักษรที่มีขนาดเล็กนั้นจะเห็นเป็นหยัก ซึ่งต่างกับจอของ HTC One X หรือ iPhone 4S ที่เเสดงผลเเบบ RGB เเละมีความหนาเเน่นของพิกเซลที่สูงทำให้ไม่มีปัญหาการเเสดงผลในทุกสถานการณ์ครับ เเต่เรื่องหน้าจอ Pentile นี้ถ้าบางคนสังเกตไม่ออกก็ถือว่าไม่มีปัญหาอะไร เเต่บางคนถ้าสังเกตเห็น (เเล้วครั้งหนึ่ง) ก็อาจจะไม่ชอบได้
กล้อง
Samsung Galaxy S III (Galaxy S3) มากับกล้องขนาด 8 ล้านพิกเซล กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เเละมี BSI (Backside illumination sensor) ทั้งด้านหน้าเเละด้านหลังช่วยให้ถ่ายรูปในที่เเสงน้อยได้ดีขึ้น เเละมี Zero Shutter Lag เหมือนกับ Galaxy Nexus ที่เมื่อกดชัตเตอร์เเล้วจะได้รูปเลยทันที รวมไปถึงฟีเจอร์คัดเลือกรูปถ่ายที่ดีที่สุด (Best Photo) เเละ Burst Mode กดค้างเพื่อถ่ายรูป เเละระบบปรับรูปภาพ (เเสง, คอนทราส)อัตโนมัติเพื่อให้ภาพออกมาสวยงาามที่สุด
โดยรวมๆ เเล้วคล้ายกับฟีเจอร์กล้องของ HTC One X ที่มีมาก่อนเช่นกัน เเละสามารถบันทึกวีดีโอความละเอียด 1080p ได้ 30 เฟรมต่อวินาที
ฟีเจอร์อื่นๆ
- S Voice ระบบสั่งการด้วยเสียง สามารถใช้สั่งการเล่นเพลง อันล็อคเครื่อง เเละถ่ายรูปได้
- Smart Stay ที่ตรวจจับว่าเรากำลังอ่านหน้าจออยู่เพื่อที่หน้าจอจะได้ไม่ปิดตัวเองเมื่อไม่มีการใช้งานไปในระยะที่กำหนด โดยเมื่อ Smart Stay ยังทำงานจะมีไอคอนลูกตาอยู่บน Notification Bar ด้านบน
- TouchWiz “Natural UX” ซึ่งเป็น Android 4.0 ซึ่งต่างกับ TouchWiz 4.0 บน Galaxy S III โดยมีการปรับหน้าตาให้คล้ายกับ ICS ของ Google มากขึ้น เช่น Launcher (ของ TW 4 จะคล้ายกับ Gingerbread มากกว่า) เเละมีการยืมฟีเจอร์บางอย่างของ Galaxy Note มาใช้งาน ใช้ปาดทั้งหน้าจอเพื่อจับรูปภาพในขณะนั้นที่เป็นฟีเจอร์ของ Galaxy Note เเละมีการเพิ่ม Battery Percentage มาให้ใช้งานด้วย (หลายๆ คนน่จะชอบ)
- S Beam – เหมือน Galaxy Beam เเชร์ข้อมูลผ่านกับมือถือ Android ที่มี NFC เหมือนกัน
- Direct Call เมื่อเปิดคอนเเทคนั้นอยู่เเล้วสามารถยกเครื่องเเนบหูเพื่อโทรออกได้ทันที
- Pop up play สามารถเล่นวีดีโอในเครื่องบนจอขณะทำงานอื่นๆ อยู่ได้
- AllShare Play, Cast เป็นความสามารถเเบบ DLNA ที่ให้เราสามารถใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ได้เเบบไร้สายที่มีสนับสนุนความสามารถ Allshare ได้ที่อยู่ในวงเเลนเดียวกันได้ รวมไปถึงควบคุมอุปกรณ์อย่างโทรทัศน์ผ่านมือถือได้
- Social Tag สามารถกดเข้าไปดูรายละเอียดของคอนเเทคอย่าง Email, SMS เเละอื่นๆ โดยไม่ต้องเข้าหน้าคอนเเทคก่อน
การวางจำหน่าย
- วางจำหน่าย Samsung Galaxy S (Galaxy S3) ในประเทศเเถบยุโรปวันที่ 29 พฤษภาคมนี้
- ประเทศไทยจะวางขายทันงาน Thailand International Mobile Show ที่จัดวันที่ 28 มิถุนายนถึงวันที่ 1 กรกฏาคมที่ไบเทคบางนา